วิธีเลี้ยงลูกแรกเกิดคุณแม่มือใหม่ ใส่ใจเกิน 100

วิธีเลี้ยงลูกแรกเกิด คุณแม่มือใหม่ ใส่ใจเกิน 100 ช่วงวินาทีที่ลูกลืมตาดูโลกต้องเป็นช่วงเวลาที่ตื้นตันใจคนเป็นแม่ในระดับสูงสุดอย่างแน่นอน สิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นนี้ถือเป็นของขวัญอันล้ำค่าที่ผู้หญิงทุกคนได้รับ นี่คือสิ่งที่ดูแลผูกพันกันมายาวนานตลอด 9 เดือนและจากวันนี้ก็จะต้องทะนุถนอมกันตลอดไป

หนึ่งคำถามคาใจที่จะเกิดขึ้นตามมาก็คือต้องดูแลทารกแรกเกิดนี้อย่างไรถึงจะดีที่สุด บ้างก็ให้ปู่ย่าช่วยดูแล บ้างก็ฟังคำบอกเล่าจากคนที่มีประสบการณ์มาก่อน ซึ่งไม่อาจแน่ใจได้ว่าจริงเท็จอย่างไรร้อยเปอร์เซ็นต์ หรือถ้าแม่คนอื่นเขาทำแล้วดีก็ใช่ว่าจะดีกับคู่แม่ลูกของเราเช่นกัน งั้นมาดูเลยว่าตามมาตรฐานแล้วคุณแม่มือใหม่ต้องดูแลลูกน้อยอย่างไรกันแน่

วิธีเลี้ยงลูกแรกเกิดให้ดีที่สุด

ช่วงแรกเกิดถึงเดือนสองเดือนแรกเป็นช่วงของโอกาสทองที่จะเสริมสร้างพัฒนาการให้ลูกน้อยอย่างเต็มที่ สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือตรวจเช็คพัฒนาการตามธรรมชาติของลูกน้อยเสียก่อนในวันแรกที่เกิด ก็คือ เด็กทารกจะเริ่มมองเห็นและรู้สึกถึงสภาวะแวดล้อมโดยรอบตั้งแต่อยู่ในครรภ์ช่วงเดือนที่ 7 แล้ว

เมื่อคลอดออกมาจึงต้องตอบสนองต่ออากาศร้อนหนาวและมีพฤติกรรมในการเอาชีวิตรอดโดยอัตโนมัติ หากแม่เอานิ้วแตะเบาๆ ที่ปากของลูก ลูกจะต้องมีอาการเผลอปากเพื่อรอดูดนมพร้อมกับหันหาสิ่งที่มาสัมผัสเข้าที่บริเวณปากด้วย และมือของทารกต้องกำรอบนิ้วของแม่ได้ หากนำนิ้วไปแตะที่ฝ่ามือน้อยๆ นั้น เมื่อทดสอบแล้วไม่มีสิ่งใดผิดปกติก็วางใจได้ แต่ถ้าเด็กไม่ค่อยตอบสนองก็ต้องให้แพทย์ช่วยวินิจฉัยต่อไป [ ลูกดื้อ ]

เลี้ยงลูกแรกเกิด

การกระตุ้นพัฒนาการให้ทารกนั้นไม่มีอะไรซับซ้อนมาก เพียงแค่ให้ความอบอุ่นจากการสัมผัสให้มากๆ และเน้นการนวดสัมผัสเบาๆ ให้เขาด้วย เพื่อให้ทารกเกิดความผ่อนคลายและช่วยลดอาการท้องอืดจากการดื่มนมเพียงอย่างเดียวด้วย สายสัมพันธ์ของแม่และลูกเป็นสิ่งพิเศษที่ธรรมชาติมอบมาให้อยู่แล้ว ดังนั้นไม่ต้องใช้เทคนิคล้ำสมัยหรือคำพูดอะไรเลย เพียงแค่โอบกอดแล้วถ่ายทอดความรู้สึกดีๆ เด็กทารกก็จะมีพัฒนาการที่ดีขึ้นเองอย่างรวดเร็ว

สอนเลี้ยงลูกแรกเกิด

“นมแม่นั้นดีที่สุด” อาหารสำหรับทารกไม่มีอะไรดีไปกว่านมแม่ ยิ่งถ้าเป็นนมแม่ในช่วงแรกที่มีสีออกเหลือง คือ ขาวขุ่นข้นจนเหลือง เป็นช่วงหัวน้ำนมที่อุดมด้วยสารอาหารล้ำค่ามากสำหรับทารก ช่วยบำรุงทั้งสมองและการเจริญเติบโตของร่างกายไปในทางที่ดี แต่ในช่วง 1-2 วันแรกเด็กบางคนก็อาจจะไม่กินนมแม่เลย อันนี้เป็นเรื่องปกติ

เพราะเขาได้รับสารอาหารผ่านสายสะดือมาตลอด และนั่นก็เพียงพอให้เขาอยู่ต่อได้อีกโดยไม่ทานอะไรเลยเกิน 24 ชั่วโมง คนเป็นแม่แค่เตรียมพร้อมที่จะให้นมลูกได้ทันทีเมื่อเขาต้องการก็พอ

วิธีการเลี้ยงลูกแรกเกิด

ส่วนใครที่ไม่สามารถให้นมลูกได้ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็แล้วแต่ ก็ต้องให้เป็นนมผงที่ใช้สำหรับทารกเท่านั้น และในหนึ่งวันก็จะมีความถี่อยู่ประมาณ 6-8 มื้อ แม่จึงต้องเตรียมอุปกรณ์ชงนมเอาไว้ให้พร้อมด้วย นอกจากนี้คนเป็นแม่ก็ต้องเตรียมพร้อมสำหรับการรับมืออาการต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นกับลูกน้อยดังต่อไปนี้ด้วย

กล่อมลูกน้อยนอน

– อาการแหวะนมหรืออาเจียน : เนื่องจากระบบทางเดินอาหารจากปากสู่กระเพาะอาหารเพิ่งเริ่มกระบวนการทำงานเป็นครั้งแรก ดังนั้นทารกจึงมีอาการแหวะนมเป็นเรื่องปกติ แต่จะต้องไม่บ่อยจนเกินไป เพียงแค่ใช้ผ้าสะอาดเช็ดออกก็เพียงพอแล้ว แต่ถ้าเป็นบ่อยมากและมีอาเจียนร่วมด้วย ต้องรีบพบแพทย์ เพราะอาจมีภาวะกระเพาะอาหารไม่สมบูรณ์ กรดไหลย้อน ทารกท้องเสีย หรือลำไส้มีปัญหาได้

– ปัสสาวะสีเข้ม : สีของปัสสาวะแปรผันตรงกับการได้รับน้ำของร่างกาย เช่นเดียวกันกับผู้ใหญ่นั่นเอง คือถ้าปัสสาวะมีสีเข้มมากแสดงว่าทานน้ำน้อยเกินไป และน้ำสำหรับทารกก็คือนมแม่นั่นเอง ก็ให้ลูกทานนมเพิ่มอีกหน่อย

– ลิ้นเป็นฝ้าขาว : อาการนี้เป็นเรื่องปกติเพราะลูกน้อยดื่มแต่นมตลอดเวลา ไม่ได้มีอันตรายใดๆ ให้ใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำเช็ดออกเท่านั้น

– ท้องอืดในทารก : เนื่องจากจังหวะที่ทารกดูดนมจากอกแม่หรือจากขวดนม จะมีการดูดเอาอากาศเข้าไปด้วย จึงอาจเกิดอาการท้องอืดขึ้นได้ ดังนั้นหลังการดื่มนมทุกครั้งจึงควรช่วยให้ลูกเรอออกมาด้วยการอุ้มไว้กับตัวสัก 20-30 นาทีแล้วค่อยวางลงนอน

– ร้องงอแงตลอดเวลา : เด็กทารกร้องไห้ได้หลายสาเหตุ ไม่ใช่แค่หิวนมเท่านั้น คนที่จะรู้ดีที่สุดก็คือคนเป็นแม่นี่เอง ต้องหมั่นสังเกตว่าร้องแบบไหนเป็นเพราะอะไร ลูกจะสื่อสารกับแม่ได้จากเสียงและจังหวะในการร้องของเขาเอง อาจเป็นเพราะไม่สบายตัวจากผ้าอ้อม อากาศร้อน อากาศหนาว หรือ ทารกเป็นหวัด เจ็บป่วยอย่างอื่น

– ไม่ต้องห่อตัวลูกจนมิดชิดตลอดเวลา : การห่อตัวลูกด้วยผ้าอ้อมนั้นไม่จำเป็นต้องทำตลอด เด็กควรได้สัมผัสบรรยากาศโดยรอบบ้างเพื่อความสบายตัวและเสริมสร้างพัฒนาการที่ดี

นอกจากอาการเหล่านี้ที่เป็นขั้นพื้นฐานแล้ว เด็กแต่ละคนก็จะมีพฤติกรรมที่แตกต่างกันออกไปอีก คนเป็นแม่จึงต้องใส่ใจให้มากๆ เพราะคนที่จะแก้ปัญหาและดูแลลูกเราได้ดีที่สุดก็คือคนเป็นแม่แท้ๆ นั่นเอง การหมั่นสังเกตอย่างละเอียดจะช่วยให้เรารู้ทันท่วงทีและจัดการได้รวดเร็ว

แหล่งข้อมูลอ้างอิง

  1. http://www.mamaexpert.com/posts/content-827
  2. http://www.rakluke.com/