วิธีเลี้ยงลูกให้ประสบความสำเร็จ 5 อย่างที่คุณต้องทำให้ถูกต้อง
วิธีเลี้ยงลูก ให้ประสบความสำเร็จ 5 อย่างที่คุณต้องทำให้ถูกต้อง เด็กในวันนี้คือผู้ใหญ่ในวันหน้า และสภาพแวดล้อมที่หล่อหลอมเขามาเป็นส่วนที่สำคัญมากอย่างที่ปฏิเสธไม่ได้เลย การเลี้ยงดูของพ่อแม่ในช่วงวัยที่ลูกกำลังเรียนรู้และจดจำจึงจำเป็นต้องทำให้มีคุณภาพมากที่สุด
ถ้าต้องการให้ลูกเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่มีศักยภาพ มีความเป็นผู้นำ และสามารถดำเนินชีวิตไปได้อย่างสวยงาม ก็ต้องปลูกฝังกันตั้งแต่ช่วงวัยเด็กนี่เลย ต่อไปนี้คือแนวทางในการเลี้ยงลูกให้เป็นคนที่ประสบความสำเร็จในทุกๆ ด้านของชีวิต — วิธีเลี้ยงลูก
1. ความสุขคือแกนหลักของชีวิต – วิธีเลี้ยงลูกให้ประสบความสำเร็จ
เด็กที่มีความสุขในชีวิตจะสามารถจัดการเรื่องราวที่ผ่านเข้ามาในชีวิตได้ดีกว่าเด็กที่ไม่มีความสุข ซึ่งความสุขของเด็กนั้นเรียบง่ายมาก เช่น รอยยิ้มของพ่อแม่ คำชื่นชมจากพ่อแม่ การทำอะไรเสร็จสิ้นสำเร็จได้เป็นครั้งแรกแม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อย การได้กินอาหารอร่อยๆ หรือแม้แต่ขนมที่ชื่นชอบและก็กินอยู่แล้วทุกวัน แต่คนเป็นพ่อแม่ส่วนใหญ่มักจะทำเรื่องเหล่านี้ให้มันยากขึ้น
ด้วยการเอาความคิดความรู้สึกแบบผู้ใหญ่ไปใส่ในตัวเด็ก เอาความสุขแบบผู้ใหญ่ไปตัดสินความสุขของเด็ก และที่ร้ายไปกว่านั้นก็คือการเอาความทุกข์ของพ่อแม่ไปลงที่ลูก การสร้างสภาวะแห่งความสุขภายในครอบครัวนั้นง่ายมาก และแต่ละครอบครัวก็จะไม่เหมือนกัน แต่ต้องคิดเตือนใจตัวเองเสมอว่าความสุขนั้นง่ายมาก แค่ใส่ใจให้มากพอ ทำให้เกิดความสุขให้ได้และทำให้เกิดอย่างสม่ำเสมอ เด็กจะเก็บเกี่ยวความสุขเหล่านั้นเอาไว้โดยอัตโนมัติและมันจะเป็นขุมพลังที่ช่วยเหลือจิตใจของเขาในวันที่โตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ [ วิธีเลี้ยงลูกแรกเกิด ]
2. ความคิดเห็นของลูกนั้นน่าสนใจ
หลายครั้งคนเป็นพ่อแม่มักจะหลงคิดไปว่าลูกที่ยังเป็นเพียงเด็กเล็กนั้นไม่รู้เรื่องอะไร และการแสดงความคิดเห็นมักจะเป็นเรื่องไร้สาระทั้งนั้น เป็นเรื่องในจินตนาการที่หาประโยชน์ไม่ได้ พอลูกพูดมากเข้าก็บอกให้เขาหยุด หรือแสดงท่าทีรำคาญขึ้นมาเฉยๆ ยิ่งถ้าเขาแสดงความเห็นอะไรที่ไม่ตรงกับสิ่งที่ผู้ใหญ่มองว่าถูกต้องก็จะถูกดุทันที
ก่อนอื่นคนเป็นพ่อแม่ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า เด็กนั้นเพิ่งเกิดมาและเขากำลังเรียนรู้ความเป็นไปของโลก การใช้ชีวิตและการค้นพบสิ่งใหม่ๆ ทุกอย่างเป็นเรื่องสดใหม่ทั้งหมด ไม่เหมือนกับเราที่เห็นโลกมาแล้วหลายสิบปี จึงเป็นธรรมดาที่เขาจะสงสัยหรือมีมุมมองที่แตกต่างออกไป สิ่งที่เด็กทุกคนจะทำโดยธรรมชาติก็คือเล่าให้คนที่เขารู้สึกไว้วางใจฟัง
ซึ่งก็คือพ่อแม่หรือญาติพี่น้องนั่นเอง หากเราปิดกั้นการแสดงความเห็นของเขาอยู่เรื่อยๆ วันหนึ่งเขาจะไม่แสดงความคิดเห็นอะไรอีกเลย และที่สำคัญเขาจะกลายเป็นเด็กขี้กลัว ขาดความมั่นใจ เพราะประสบการณ์สอนเขาว่า ไม่ว่าจะคิดเห็นอย่างไรก็มักจะโดนต่อว่าอยู่เสมอ วิธีการของพ่อแม่จึงต้องรับฟังทุกความเห็นของลูกอย่างตั้งใจ สืบเสาะว่าเพราะอะไรเขาถึงคิดแบบนั้นโดยวางใจเป็นกลาง ถ้ามันผิดมากจริงๆ ก็แนะนำด้วยเหตุผลอย่างใจเย็น ห้ามใช้อารมณ์มาเป็นส่วนร่วมในการสนทนาเป็นอันขาด [ ท่าอุ้มทารกมีกี่ท่า ]
3. สอนให้จำไปถึงใจด้วยการกระทำ
ครูคนแรกของลูกก็คือพ่อแม่ แน่นอนประเด็นนี้หลายคนเข้าใจดีว่าต้องสั่งสอนลูกให้เป็นคนดีและมีคุณสมบัติเพียบพร้อมที่จะสร้างสรรค์ชีวิตของเขาเองได้ แต่การพร่ำสอนด้วยคำพูดนั้นมันไม่ได้ผลมากอย่างที่ควรจะเป็น เราต้องสอนเขาด้วยการกระทำ หากพ่อแม่ต้องการให้ลูกเป็นอย่างไร
ก็แค่ทำตัวเองให้เป็นแบบนั้น ทำอย่างสม่ำเสมอ เขาจะเรียนรู้และจดจำไปจนถึงนำไปปฏิบัติได้เองโดยที่ไม่ต้องนั่งพูดสอนกันจนปากเปียกปากแฉะ ถ้าอยากให้เขาเป็นคนตรงต่อเวลา พ่อแม่ต้องตรงต่อเวลา ถ้าอยากให้เขาเป็นคนมีวินัย พ่อแม่ต้องเป็นคนมีวินัย นี่คือวิธีการสอนที่เรียบง่ายและให้ผลดีที่สุด
4. ฝึกให้ลูกเป็นคนตัดสินใจ
เราจะช่วยเสริมสร้างความมั่นใจและความกล้าของลูกได้ด้วยการฝึกให้เขาตัดสินใจเอง เช่น หากวันไหนจะออกไปทานข้าวนอกบ้านกันทั้งครอบครัว ก็ลองให้ลูกเป็นคนเลือกว่าจะไปกินอะไร และก็ไปทานที่ร้านนั้น หรือลองให้เขาตัดสินใจเลือกกิจกรรมที่จะทำร่วมกัน เลือกงานอดิเรกที่จะทำเอง เป็นต้น
หัวใจสำคัญของการฝึกให้ลูกตัดสินใจเป็นนี้ก็คือ พ่อแม่ต้องให้อิสระเขาในการตัดสินใจอย่างแท้จริง ไม่ตีกรอบ ไม่ชักจูง และเคารพในการตัดสินใจนั้นด้วย ซึ่งสิ่งนั้นจะต่างกับการตามใจ เราจะต้องให้เขาได้เรียนรู้ไปพร้อมกันด้วยว่าเขามีสิทธิตัดสินใจ แต่ไม่ใช่ทุกครั้งที่จะเป็นอย่างใจต้องการเสมอ ว่ากันไปตามเหตุและผล [ ลูกดื้อ ]
5. ความยืดหยุ่นเป็นศิลปะแห่งการสอน
การแสดงออกหรือการให้คำแนะนำกับลูกที่หลากหลาย จะทำให้เด็กได้เรียนรู้ที่จะตอบสนองในหลายรูปแบบ และมีความฉลาดทางอารมณ์ อีกทั้งยังเป็นการกระตุ้นในเด็กอยากที่จะเรียนรู้มากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่ว่าเจอพ่อหรือแม่เมื่อไรก็โดนสอนแบบนี้ตลอด โดนสอนเรื่องนี้ตลอด แบบนี้เด็กจะจำแล้วก็เบื่อ ยิ่งถ้าเป็นการสอนแนวข่มขู่ยิ่งแล้วใหญ่ เพราะเด็กจะจำและไม่กล้าทำอีกเลยแม้จะโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่แล้วก็ตาม